นโม ตสฺส ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย
ความสั่งสมซึ่งบุญนำสุขมาให้.
ณ
บัดนี้จักได้อธิบายขยายความแห่งกระทู้ธรรมสุภาษิตที่ลิขิตไว้เบื้องต้นพอเป็นแนวทางแห่งการศึกษา และนำไปปฏิบัติสืบต่อไป
คำว่า
บุญ แปลว่า ธรรมชาติที่ชำระล้างหมายถึง ชำระล้างกิเลส หมายถึงชำระล้างกิเลสทางกาย วาจา
และใจ บ่อเกิดบุญเรียกว่า
“บุญกิริยาวัตถุ” มี 3 อย่าง คือ
1. ทานมัย
บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน การให้มี 3
อย่าง คือให้ข้าว น้ำ โภชนาหาร ที่อยู่อาศัย
ยารักษาโรค เรียกว่า อามิสทาน
การอบรมแนะนำสั่งสอนให้รู้จักสิ่งที่ดีหรือไม่ดี
2. สีลมัย
บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
รักษากาย วาจา ใจ
ให้เรียบร้อย
3. ภาวนามัย
บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา คำว่า
ภาวนา แปลว่าการทำให้มี ให้เป็น มี 2 อย่าง คือ
ทำใจให้สงบนิ่งด้วยยึดนิมิตอย่างใดอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอารมณ์เรียกว่า สมถภาวนา หรือสมถกรรมฐานก็ได้ ถ้าพิจารณารูปนามเป็นอารมณ์ รูปและนามไม่เที่ยงแท้แน่นอน ย่อมเปลี่ยนแปรผันอยู่ตลอดเวลา มีสภาพเป็นทุกข์ทนอยู่ได้ยาก ยึดถือเป็นตัวตนมิได้ เป็นต้น
เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา หรือ
วิปัสสนากรรมฐานก็ได้
ทาน ศีล
ภาวนา ทั้ง 3 ทานมีหน้าที่กำจัดกิเลส ศีลมีหน้าที่กำจัดความโกรธ
ภาวนามีหน้าที่กำจัดโมหะความโง่เขลา
ฉะนั้น ทาน
ศีล ภาวนา จึงเป็นเครื่องชำระล้างกิเลส 3 อย่าง กล่าวคือท่าน
ชำระล้างความโลภ ศีล ชำระล้างความโกรธ และภาวนา
ชำระล้างความหลง
ชำระล้างกิเลสออกจากจิตใจทุกวัน
จิตใจก็บริสุทธิ์สะอาด
จิตใจก็มั่นคงไม่หวาดระแวงต่อภัยต่างๆ ความสุขก็จะบังเกิด มีแก่จิตใจอยู่ตลอดเวลา เพราะบุญอยู่ที่ใจ บุญเป็นสมบัติส่วนบุคคล
ถ้าใครทำไว้คนนั้นก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของบุญนั้น ไม่ฉิบหายด้วยภัยนานาประการ สมดังพุทธสุภาษิตที่มาในสังยุตตนิกาย สคาถวรรคว่า
ปุญฺญํ โจเรหิ ทูหรํ
บุญอันโจรนำไปไม่ได้.
ถ้าใครทำบุญไว้แล้วเปรียบเสมือนมีขุมทรัพย์อันประเสริฐ
ทรัพย์คือบุญจะติดตัวตามไปเหมือนเงาติดตามตัว
เพื่อไปเกิดในภพที่ดีเป็นคนมั่งมีศรีสุขในชาติหน้า
สรุปความว่า คนทุกคนควรทำบุญไว้บุญนำสุขมาให้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ผู้มีบุญมีอายุยืนยาว มีสุขกายสุขใจ
สมดังกระทู้สุภาษิตที่ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้นว่า
สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย
ความสั่งสมซึ่งบุญนำสุขมาให้
ดังอรรถาธิบายมา เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้ฯ