วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ธรรมะเบ็ตเตล็ด : แนวทางการดำเนินชีวิต



ธรรมะเบ็ตเตล็ด[1]
           เจริญสุขสวัสดีญาติโยมที่มาวัดฟังธรรม รักษาศีล  เจริญภาวนา  อาตมภาพได้นำธรรมะและข้อคิดดีๆ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานำเสนอ  เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต พิชิตความทุกข์ คือ
          1.  กัลยาณมิตตา  คือการคบเพื่อนที่ดี  มิตรที่ดี  การคบกัลยาณมิตรที่ดีนั้น  เป็นผลประโยชน์ที่ดีต่อตนเอง  เพราะการคบเพื่อนที่ดีนั้น  เพื่อนของตนจะนำพาเราปฏิบัติในทางที่ดี  ส่วนในสิ่งที่ดีที่ตนเองยังไม่รู้หรือไม่เข้าใจ  หรือสอนให้ตนเองได้รู้จักงานและรู้จักศึกษาประกอบอาชีพในทางสุจริต  เพื่อให้ตนเองมีเงินมีปัจจัยใช้สอย  เป็นของตนเองหรือเพื่อใช้ในการเลี้ยงตนเองและครอบครัว หรืออาจใช้บริจาคแก่ชุมชน  การเลือกคบผู้ดีผู้มีคุณธรรมเพื่อนที่ดีนั้นก็จะทำให้เราสำเร็จแต่ความรุ่งเรือง  มีคุณธรรมประจำใจ  และทำให้พ่อแม่พี่น้องสังคมหรือคนต่างเคารพนับถือตนเอง  หรือสรรเสริญเราไปในทางที่ดี  และทำให้ตนเองนั้นมีความก้าวหน้าต่างๆ ทั้งในอาชีพก็ย่อมเจริญ  หรือทำให้เราหาทรัพย์ได้โดยไม่    ฟืดเคือง  และทำให้เรามีหน้าที่ตาในสังคมหรือชุมชน  สมดังสุภาษิตที่ว่า ปฏิรูปการี  ธุรวา  อุฏฺธาตา  วินฺทเต  ธนํ  มีใจความว่า ผู้หมั่นเอาธุระเป็นผู้ทำกิจเหมาะสมแก่กาลเทศะ  การมีความขยันนั้นย่อมหาทรัพย์ได้  เพราะตนเองนั้นได้คบบุคคลที่ดีเพื่อผู้ที่ดีนั่นเอง
          2.  ทาน  หรือการแบ่งปันสิ่งของๆ ตนเองที่ควรให้  หรือเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  เสียสละสิ่งของของตนเองให้แก่บุคคลอื่น  และอาจจะเป็นการแนะนำคำสั่งสอนที่ดีแก่คนอื่นเพื่อให้เป็นคนดีประพฤติดีงามตามทำนองคลองทำที่ดี  และสมควร  หรือการให้และบริจาคสิ่งของของตนเองให้แก่ผู้ที่มีฐานะยากจนกว่าตนเอง  เช่น เงิน  เสื้อผ้า  กางเกง  หรือของใช้สอยต่างๆ เพื่อให้บุคคลนั้นนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ดี  และควรจะเป็นกำลังใจให้กับคนอื่นที่เขามีฐานะที่ด้อยกว่าเรา  มีไมตรีที่ดีต่อกัน  เกื้อกูลซึ่งกันและกัน  มีไมตรีจิตที่ดีต่อกัน  และคนที่ได้บริจาคทานนั้นก็ภูมิใจที่ตนเองนั้นได้ทำประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ หรือบริจาคทุนเพื่อใช้ในการสร้างถนนชำรุด สะพานทางสัญจร วัด โรงเรียน  หรืออีกหลายอย่าง  ซึ่งมีประโยชน์ต่อกลุ่มชุมชนบ้านเรือนของตนเอง  และทานที่บริจาคนี้ก็จะทำให้มีประโยชน์ต่อสังคมชุมชนมากมาย  เพราะสังคมแต่ละที่นั้น  ต้องอาศัยการช่วยเหลือประรองดองซึ่งกันและเพื่อให้ชุมชนแต่ละแห่งเจริญรุ่งเรือง หรือการบริจาคทานนั้นแต่ละคนอาจจะใช้กำลังของตนในการบริจาค  เช่น ช่วยสร้างถนน วัด โรงเรียน ฯลฯ
          3.  การสมาธิภาวนา  ในการเจริญสมาธิภาวนานั้นสามารถกระทำได้ทุกท่าน แม้จะไม่ใช่พระก็กระทำได้  และสามารถกระทำได้ทุกที่ทั้งที่วัดที่บ้านของตนเองหรือที่ทำงาน  ซึ่งในการภาวนานั้นก็มีให้ศึกษาอยู่หลายวิธี หลายอิริยาบถ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน การนั่งก็ใช้เท้าขวาทับเท้าซ้าย  และมือขวาทับมือซ้าย  การเดินหรือที่เรียกการเดินจงกรมและการนอนต้องทำจิตใจของตนให้สงบ  และพยายามกำหนดลมหายใจของตนนั้นคือการภาวนา  หายใจเข้าให้นึกคำว่า พุท หายใจออก โธ  และถ้าหากบุคคลท่านใดสามารถกระทำได้นั้นก็จะส่งผลที่ดีต่อตนเอง  ทั้งในตอนที่ตนเองตอนดำรงชีวิตอยู่และในอนาคตต่อไป  หรือการสะสมบุญที่ตนเองได้กระทำในช่วงที่ยังดำรงชีวิตอยู่ในการเจริญภาวนานั้น ต้องใช้ความพยายาม  ในช่วงแรกต้องฝึกต้องอดทน  เมื่อตนเองฝึกปฏิบัติได้นั้นก็จะส่งผลที่ดีแก่จน  และจิตใจของตนก็ต้องพร้อมปฏิบัติ  คือการไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาให้คิดในสิ่งที่ดีงามที่เคยกระทำ  หรือ พุท-โธๆๆ  แต่การเจริญสมาธิภาวนานั้นบางท่านอาจจะคิดว่าง่าย  แต่ในการปฏิบัตินั้นอาจจะไม่เป็นดังที่คิด  เพราะการภาวนานั้นยาก  เพราะแต่ละท่านต้องเรียนรู้และต้องฝึกฝน
          4.  อบายมุข (สุรา) หรือนำเมา  ในน้ำเมาทุกชนิดย่อมมีโทษต่อบุคคลและร่างกายของตนและสังคมหลายประการ เช่น 
               - เสียทรัพย์  เพราะจะเสียทรัพย์สินจากการทำงานหรือรับจ้างที่ได้มานั้น  เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ 
               - เกิดโรค  โรคที่เกิดจากน้ำเมานั้นมีอยู่หลายชนิด และรุนแรงถึงชีวิตและการรักษาก็ลำบากและยาก  เมื่อเกิดแล้วส่วนมากจะเสียชีวิตโดยน้ำเมาหรือประสบอุบัติเหตุ   
               - ไม่รู้จักอาย  เมื่อดื่มเข้าร่างกายแล้วก็อาจจะขาดสติสัมปะชัญญะ  อาจกระทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ละอายในสังคมหลายอย่าง  
               - การทะเลาะวิวาท  การดื่มเข้าร่างกายแล้วอาจจะทำให้ผู้ดื่มไม่เกรงกลัวบุคคลใดๆ  และอาจจะกระทำกิริยาที่ไม่ดีพูดจาไม่ดีใส่คนข้างเคียง  และทำให้เกิดการตีกัน หรือทำให้ถึงขั้นเสียชีวิต  ซึ่งมีเหตุการณ์ที่เป็นข่าวให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง 
               - ต้องถูกตำหนิติเตียน  และในข้อนี้ก็เหมือนในหลายข้อที่กล่าวมา  ซึ่งอาจจะทำให้คนในสังคมระอาหรือรำคาญเช่นส่งเสียงดัง  หรือการร้องเพลงเสียงดังการขับขี่รถที่เสี่ยงดังและประมาท  
               - ทอนกำลังของตนเอง  พละกำลังของตนในร่างกายของแต่ละท่านนั้นส่วนใหญ่แข็งแรง  แต่เมื่อรับน้ำเมาเข้าร่างกายแล้วอาจจะทำให้เสียกำลังในการทำงาน  เพราะผลเสียของน้ำเมาทำให้ไม่มีแรงเคยตื่นแต่เช้ากลับเป็นตื่นสาย  และขี้เกียจทำงานเหมือนเคยปฏิบัติประจำ
          5.  การพนัน  การพนันมีอยู่หลายอย่างซึ่งเป็นอบายมุขที่กระทำกันอยู่ทั่วไป  ซึ่งมีข้อเสียอยู่หลายประการ  เช่น 
               - เมื่อชนะย่อมจะก่อเวร  เมื่อเจ้าของที่เล่นการพนันถ้าหากผู้เล่นหรือตนเองได้เงินหรือปัจจัยของท่านอื่นๆ มาแล้วนั้น  อาจจะทำให้เจ้าของทรัพย์อาจโกรธเคืองตนเพราะเสียดายทรัพย์  และอาจจะขู่ท่านเพื่อเอาทรัพย์คืนหรือาจปล้นท่านคืนก็ได้   
               - เสียทรัพย์  อบายมุขทุกอย่างนั้นไม่ดีต่อทุกคน  และทำให้เสียทรัพย์สินของตนเอง  และเป็นการเสียเวลาในการทำมาหากินเพื่อใช้ในการเลี้ยงชีวิต และครอบครัว สังคม 
               - เป็นที่หมิ่นประมาท  การติดอบายมุขชนิดนี้  เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสังคมและจะถูกคนในชุมชนนินทา  เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดี และถูกประณาม  เพราะผู้เล่นอาจจะจี้หรือปล้นลักขโมยของในชุมชนของตน  เพื่อนำมาใช้เล่นการพนัน   
              - เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์  เมื่อตนเองเล่นการพนันแล้ว  และเมื่อตนเองเสียทรัพย์ของตนแล้วก็เสียดายทรัพย์สินของตนเองทั้งนั้น  เพราะทรัพย์สินของตนเองนั้นต้องเสียแรงงานของตนเพื่อแลกมา  และบางท่านก็ทำงานลำบากกว่าจะได้ทรัพย์สินมา  แต่ต้องมาหมดเพราะการพนัน  
              - ไม่มีบุคคลใดเชื่อถ้อยคำ  ถ้าหากผู้เล่นอบายมุขในสิ่งนี้ติดมาก  และเสียทรัพย์สินบ่อย  แต่ยังต้องการที่จะเล่น  และอาจจะยืมเงินบุคคลในชุมชนเพื่อที่จะเล่นในสิ่งที่กล่าวมา  อาจจะไม่คืนเจ้าของทรัพย์หรือบางครั้งอาจหลอกลวงเพื่อนบ้าน  เพื่อที่จะได้ทรัพย์มาเล่นการพนัน 
          หลักในการเจริญเมตตา  คือความต้องการความปรารถนาให้มนุษย์และสัตว์อื่นๆ อยู่อย่างสงบ  ไม่มีเวร  ไม่มีภัย  ไม่ประทุษร้ายกัน  เพราะทุกชีวิตต่างก็ไม่ต้องการที่จะมีความทุกข์  และไม่ต้องการศัตรู  ต้องการความปรารถนาที่ดีต่อกันและกัน  ความรักความพร้อมสนิทสนมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  เมื่อคนอื่นมีความทุกผู้ที่ไม่เป็นทุกข์ควรให้ความช่วยเหลือคนที่เป็นทุกข์  และให้กำลังใจ  แลไม่เมินเฉย  ไม่หนีเอาตัวรอดคนเดียว  และคนที่เป็นทุกข์ก็จะมีความสุข  เกิดความโสมนัส  เกิดความยินดี  และผู้เป็นทุกข์ก็มีจิตใจในการแก่ปัญหาของตน  และความทุกข์ของตนเอง  เพราะได้รับความเมตตาจากคนในชุมชน
ขอเจริญพร


     [1]  พระวีรพงษ์  ยสชาโต/แจ่มใส (กิจ). น.ธ.ตรี, ม.6

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น