วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ศีลเป็นเยี่ยมในโลก



นโม  ตสฺส  ภควโต  อรหโต  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
สีลํ  โลเก  อนุตฺตรํ
ศีลเป็นเยี่ยมในโลก.
            บัดนี้จะได้อธิบายเนื้อความแห่งกระทู้ธรรมภาษิตที่ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้น  เพื่อเป็นแนวทางแห่งการศึกษาและปฏิบัติ  สำหรับผู้ที่สนใจในทางธรรมเป็นลำดับต่อไป
          ใจความของพุทธภาษิตนี้ได้กล่าวถึงคำว่า “ศีล”  ศีล คือ ข้อปฏิบัติที่คอยควบคุมความประพฤติไม่ดี  และความประพฤติไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม  เพื่อให้มนุษย์เราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข  โดยงดเว้นจากการประพฤติชั่วทางกาย  วาจา  และจิตใจ  ซึ่งสามารถอธิบายได้อย่างนี้  ได้แก่
          1.   กาย  คือการงดเว้น  หรือยกเว้นจากการปฏิบัติชั่วทางกาย  อันได้แก่การเว้นจากการฆ่าสัตว์  การงดเว้นจากการลักทรัพย์  และการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
          2.  วาจา  คือการงดเว้นจากการปฏิบัติชั่วทางวาจา  อันได้แก่การพูดเท็จ  พูดคำหยาบ  พูดส่อเสียด  และงดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ
          3.  ใจ  คือการงดเว้นจากการปฏิบัติชั่วทางใจ  อันได้แก่การงดเว้นจากการพยาบาทปองร้ายผู้อื่น  เว้นจากการโลภอยากได้  และเว้นจากการเห็นผิดจากครรลองแห่งธรรม
          ทั้งหมดที่กล่าวมานี้  เป็นการงดเว้นจากการปฏิบัติชั่ว หรือการประพฤติไม่ดีทางกาย  วาจา  และใจ  ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการรักษาศีล 8 ข้อ  ของอุบาสก-อุบาสิกา  ศีล 10 สำหรับสามเณร  และศีล 227 ข้อ สำหรับพระภิกษุ  หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพระวินัย
          ฉะนั้น  ศีลจึงมีบทบาทสำคัญมากในการดำรงชีวิตไม่ว่าจะเป็น พระ  สามเณร  แม่ชี  และอุบาสก-อุบาสิกา  เพราะว่าเราขาดศีลแล้วการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข  ความสามัคคีปรองดองกันโดยไม่เบียดเบียนกันนั้นจะทำได้ยาก  ดังนั้น ศีลจึงเป็นเยี่ยมในโลก  การดำรงชีวิตเรานั้น  เมื่อมีการถือศีลอย่างจริงจังแล้ว เราต้องอาศัยความอดทน หรือต้องมีขันติธรรมเข้ามาช่วยจึงจะทำให้การรักษาศีลของเราสมบูรณ์แบบ  เพราะถ้าขาดความอดทนแล้วยอมจะทำอะไรไม่ประสบผลสำเร็จ  เพราะความอดทนนำเราไปสู่ความสำเร็จและมีความสุขเสมอ  สมดังธรรมภาษิตที่มาในบทสวดมนต์ฉบับหลวงว่า
ขนฺติ  หิตสุขาวหา
ความอดทน  นำมาซึ่งประโยชน์สุข.
          ความของพุทธภาษิตนี้นั้น  ได้กล่าวถึงความอดทน (ขันติ)  ตามจริงแล้วคำว่าอดทนนี้เป็นสิ่งสำคัญมากในการดำเนินชีวิตประจำวัน  เพราะถ้ามนุษย์ขาดความอดทนแล้วจะทำอะไรก็ไม่สำเร็จ  ศีลก็เช่นเดียวกัน  ถ้าการรักษาศีลอย่างเดียวแต่ขาดความอดทนเข้ามาช่วย  การรักษาศีลก็ไม่สำเร็จ  หรือศีลไม่เกิดขึ้นนั่นเอง  ความอดทนนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 4 อย่างได้แก่
          1.  การอดทนต่อสภาพอากาศ  ได้แก่อากาศร้อน  หนาว-เย็น  มีฝนตก  มีแดดออกเป็นต้น
          2.  การอดทนต่อความตรากตรำในการทำงานประกอบอาชีพเลี้ยงชีวิต  และครอบครัวของตนให้มีสุข  เป็นต้น
          3.  การอดทนต่อทุกขเวทนา  จากการเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆได้
          4.  การอดทนต่อจิตใจ  คืออดทนต่อความเจ็บใจจากการถูกคนอื่นกระทำการล่วงเกิน เช่น ด่า  นินทา  พูดส่อเสียด เป็นต้น
          ความอดทน 4 อย่างนี้สำคัญมากในการรักษาศีล  เพราะถ้าผ่านความอดทนได้  และผ่านการละเว้นจากการทำชั่วได้  การรักษาศีลก็จะประสบผลสำเร็จได้ง่าย
          สรุปความว่า  ศีลก็คือการประพฤติดีทั้งทางกาย  ทางวาจา  ทางใจ  เว้นจากการประพฤติชั่วทางกาย  ทางวาจา  ทางใจ  มาประกอบสุจริตด้วยกาย  วาจา  และใจ  ให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดีโดยมีศีลเป็นข้อบังคับในการกระทำต่าง ๆ โดยอาศัยความอดทนมาช่วยเพื่อสร้างความมั่นคงมากขึ้น  โดยขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้  สมดังธรรมภาษิตที่ยกไว้เป็นขึ้นเป็นอุเทศในเบื้องต้นว่า สีลํ  โลเก  อนุตฺตรํ แปลว่า ศีลเป็นเยี่ยมในโลก
          ดังพรรณนามา  เอวํ  ก็มีด้วยประการฉะนี้ ฯ


บรรยายโดย...พระสกล  ปวโร/เจิมทอง (ยุทธ). อายุ 25 พรรษา 1 
น.ธ.ตรี, ม.6 (ช่างปูนฝีมือดีประจำวัดระหว่างพรรษานี้)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น