จิตร
ภูมิศักดิ์. (2554). ตำนานแห่งนครวัด. พิมพ์ครั้งที่
6. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์อมรินทร์.
หน้า 72-79
“เพื่อนบ้าน”
นครวัดภายใต้แสงเดือน
เป็นภาพที่งามตราตรึงจิตใจที่แสดงถึงความแข็งแรง
นครวัดไม่มีช่อฟ้าอันอ่อนช้อยอย่างโบสถ์วิหารของไทย เหมือนสำนวนว่า
“ช่อฟ้าชวนฟ้าชำเลือง” นครวัดมีแต่โดมที่หนัก
แข็ง ทึบ และทระนง แฝงไว้ด้วยบรรยากาศที่ลึกลับน่าเกรงขาม ในบริเวณลานชั้นในของกำแพงนครวัด มีวัดอยู่สองวัด
พอพลบค่ำพระสงฆ์ก็ขึ้นไปจุดตะเกียงน้ำมันบูชาพระพุทธรูปในคูหาปรางค์องค์ยอด
บางคืนมีการท่องบ่นสาธยายมนต์ข้างบนระเบียงปราสาท
แสงไฟดวงน้อยที่ส่องแสงจากโดมปรางค์ คือวิญญาณของชาติ และประชาชนเขมรที่เริ่มฉายปรากฏขึ้นหลังจากที่เคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจในอดีต
แต่รูปร่างหน้าตาคนไทยกับกัมพูชาคล้ายกัน
มีศาสนาเดียวกัน
ขนบธรรมเนียมประเพณี
ความเชื่อถือ
และตลอดจนความเป็นอยู่ของเราคล้ายกัน
ทำให้รู้สึกว่าไทยกับกัมพูชาสนิทในเหมือนพี่น้อง หรือที่ภาษาเขมรว่า
“ขแมร์-ไทย บอง ผะโอน
คะเนีย” แปลว่า เขมรไทยพี่น้องกัน คำว่าผอูนหรือผโอนเป็นคำเขมรสมัยใหม่
เขมรสมัยโบราณก่อนพุทธศตวรรษที่ 19 เขียนเป็น
ผอวน
ร่องรอยที่แสดงว่าชาวกัมพูชาและชาวไทยในภาคอีสานมีความสนิทสนมกันนั้นยังมีอีกหลายอย่าง
เช่นมีปราสาทหินแบบเขมรกระจายอยู่เกลื่อนทั้งภาคอีสาน
ซึ่งแสดงถึงขอมโบราณเคยตั้งรกรากอยู่มาก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น