พุทธทาสภิกขุ.
(ม.ป.ป) คู่มือมนุษย์. กรุงเทพฯ : ธรรมสภา. หน้า 1-22
“ท่านชอบพุทธศาสนาในเหลี่ยมไหน”
หนังสือทุกเล่มในปัจจุบันที่กล่าวถึงการเกิดขึ้นของศาสนา
จะเห็นว่าเขาเขียนไว้เหมือนกัน คือคนป่าดั้งเดิมมีความกลัวเป็นพื้นฐาน
จึงสรุปว่าศาสนาเกิดมาในโลกด้วยอำนาจแห่งความกลัว
ความกลัวของคนรุ่นใหม่กลัวความเกิด แก่ เจ็บ ตาย กลัวความโลภ โกรธ หลง
ชนิดที่วัตถุภายนอกช่วยอะไรไม่ได้ ที่สุดแห่งศาสนา คือปัญญา ในที่สุดก็สามารถหาวิธีชนะความกลัวเหล่านั้นได้ พระพุทธศาสนาไม่ประสงค์การคาดคะเน แต่จะทำอะไรไปด้วยปัญญาของตัวเอง
คือต้องฟังและพิจารณาจนเข้าใจจริงจึงเชื่อ
และพยายามทำให้ปรากฏผลด้วยตนเอง พุทธศาสนาเนื้องอก
คือการเกิดขึ้นของนิกายต่างๆ จนแถบจะเรียกชื่อไม่ถูก ถือเป็นเนื้อร้ายที่งอกขึ้นปิดบังห่อหุ้มเนื้อดี
หรือแก่นแท้ของพุทธศาสนาให้ค่อยๆ ลบเลือนไป
จนกระทั้งกลายเป็นนิกายตันตระ ที่เนื่องด้วยกามารมณ์
จำเป็นที่ต้องแยกแยะให้ออกอะไรพุทธแท้จะได้ไม่ถือแต่เปลือกที่ติดอยู่แค่พิธีรีตอง
ที่มุ่งปฏิบัติผิดไปจากจุดมุ่งหมายเดิม
ถ้ามองในแง่ศีลธรรม
พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งศีลธรรม
เพราะมีการกล่าวถึงบาปบุญ
ดีชั่ว ความกตัญญูกตเวที ความสามัคคี ความเปิดเผยตัวตน ในแง่ที่สูงขึ้นไปเป็นสัจจธรรม (Truth)
ที่กล่าวถึงความจริงที่ลึกซึ้งซ้อนเร้นที่คนสามัญจะเห็นได้
คือความว่างเปล่าของสัพพสิ่งทั้งปวง (สุญญตา) ส่วนในฐานะที่เป็นศาสนา (Religion)
ได้แก่ศีล สมาธิ ปัญญา
และผลที่เกิดจากจากการปฏิบัติคือความหลุดพ้น
คือถ้าใครปฏิบัติตามอย่างจริงจังก็สามารถหลุดพ้นได้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น